Get Adobe Flash player

เมนูหลัก

       ในช่วงนี้มีการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต)รุ่นที่ 18/2555 ทำให้ระลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวโรดม(ประยูร สนฺตงฺกุโร) อดีตประธานที่ปรึกษาสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) จึงพยายามค้นหาภาพและไฟล์ข้อมูลเก่าๆได้พบกับข้อเขียนที่ถอดจากการประชุมสามัญประจำปีของพระธรรมทูตในสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2546 นานมาแล้ว จึงมานั่งอ่านดูอีกครั้ง ข้อมูลนี้ได้มาจากสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ นานมาแล้ว ช่วงนั้นข้อมูลนี้ตั้งใจว่าจะรวบรวมไว้เพื่อนำลงพิมพ์ในวารสาร “สยามธรรมทูต” แต่จนแล้วจนรอดวารสารฉบับนั้นก็ไม่ได้ออกสู่บรรณพิภพ แต่ข้อมูลในการทำหนังสือยังเก็บรักษาไว้มีหลายเรื่องหลายคนเขียน วันนี้ขออนุญาตนำเผยแผ่ “ภารกิจของพระธรรมทูตในต่างประเทศ” ของเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวโรดมเป็นเรื่องแรก

 

 

        กำลังอ่านภารกิจของพระธรรมทูตในต่างประเทศยังไม่จบเสียงโทรศัพท์จากเจ้าอาวาสวัดอลาสก้า แทรกเข้ามาจึงได้คุยและสนทา วัดอลาสก้าญาณวราราม สหัรัฐอเมริกา เป็นวัดหนึ่งในหลายวัดที่เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวโรดมได้ก่อตั้ง ปัจจุบันนี้ยังอยู่และมีโครงการที่จะฉลองพระอุโบสถฝังลูกนิมิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศของเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นที่ปรากฎแก่พระธรรมทูต เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวโรดมมรณภาพและมีพิธีพระราชเพลิงศพเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553 เวลา 17.00 น.ที่เมรุหลวงวัดเทพศิรินทราวาส  เกือบสองปีแล้ว วันนี้คิดคุณูปการที่เจ้าประคุณสมเด็จได้สร้างไว้แก่พระธรรมทูตในต่างประเทศ ช่วงนี้อยู่ในระหว่างการอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) รุ่นที่ 18/2555 ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขนขอเชิญอ่าน “ภารกิจของพระธรรมทูตในต่างประเทศ”ด้วยความเคารพและระลึกถึง

 

 

 

ภารกิจของพระธรรมทูตในต่างประเทศ
สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร  สนตงกุโร)
อดีตประธานที่ปรึกษาสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต)

 

        ในการประชุมสามัญประจำปีพระธรรมทูต(ธรรมยุต)ในสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2546พระญาณวโรดม ประธานกรรมการที่ปรึกษาได้กล่าวถึงภารกิจของพระธรรมทูตไว้ว่า  “ ผมรู้สึกว่า เป็นที่ประทับใจมาก ในการที่ได้มาอยู่ท่ามกลางท่านทั้งหลายเพื่อการปฏิบัติศาสนกิจส่วนนี้  และผมก็ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลของผมที่ได้มีโอกาสมาร่วมการประชุมกับท่านทั้งหลาย  เพราะว่าโอกาสของผมเหลือน้อยแล้ว  ไม่กี่วันผมก็ไปแล้ว  แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ท่านทั้งหลายยังเห็นว่าผมมีประโยชน์  ยังจะพอทำประโยชน์ได้อยู่เพื่อพระพุทธศาสนาเรียกว่ามีเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย  เป็นพวกที่คุ้นเคยหรือเคยรู้จัก เป็นลูกศิษย์ลูกหากันมาก่อน  เพราะฉะนั้น เมื่อมาพบกันก็เท่ากับว่ามาพบญาติพบพี่น้อง พบศิษย์  จึงทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน  พวกท่านทั้งหลายก็คงจะรู้สึกว่าการที่ท่านทั้งหลายได้มีโอกาส ได้พบปะผู้หลักผู้ใหญ่ของท่าน ได้พบปะครูบาอาจารย์ของท่านในต่างแดนอย่างนี้  ก็คงจะเกิดความรู้สึกที่ดี เพราะฉะนั้น ขอให้การประชุมของเราครั้งนี้ เป็นไปอย่างเรียบร้อย ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด  เท่าที่จะมากได้  ขอให้เรามีการประชุมเพื่อการสร้าง  ไม่ใช่ทำลาย เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา  ไมใช่ช่วยกันสร้างปัญหา  จุดมุ่งหมายขอการประชุมเป็นอย่างนี้   คือช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่มาสร้างปัญหา ให้เกิดความยุ่งยาก และสร้างสิ่งที่ดีงามให้เกิดความเจริญ  ไม่ใช่ว่ามาประชุมเพื่อมาทำลาย  แต่รู้สึกว่าการประชุมขอเราในแต่ละครั้ง  โดยเฉพาะที่สหภาพยุโรปนี้ ก็เป็นไปเพื่อการสร้างมากว่าเป็นไปเพื่อการทำลาย  เป็นไปเพื่อแก้ปัญหามากว่าที่จะมาสร้างปัญหาซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาสาธุการมาก  

 

 

        พระธรรมทูตที่มาในต่างแดน  เราเห็นใจ  เพราะว่าท่านอยู่ด้วยความเสียสละไม่ใช่ว่าอยู่ไปเฉยๆ  ท่านมีความเสียสละมาก  ในการที่จะอยู่เพื่อประกาศพระศาสนา ถ้าท่านไม่มีความเสียสละก็อยู่ไม่ได้  อีกข้อหนึ่งก็คือว่า  มีความอดทนมาก ทั้งภายนอกและภายใน  ทางภายนอกก็คือ  เหตุการณ์ต่างๆ  ภายนอก  รวมทั้งดินฟ้าอากาศที่ผิดไปจากบ้านเมืองเรามาก    ท่านก็สามารถทนได้  เรื่องการอดทนภายในก็คือเกี่ยวกับเรื่องการปฏิฆะบ้าง เรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง  เรื่องยุ่งยากลำมากใจบ้าง  แต่ท่านก็ทนอยู่ได้เพราะท่านมีความประสงค์ที่จะอยู่ที่นี้จะได้นำพระพุทธศาสนามาประดิษฐาน  ณ   ที่นี้  เป็นการบูชาพระรัตนตรัย  คือ  พุทธบูชา  ธรรมบูชา  และสังฆบูชา  ไม่ได้หวังสิ่งอื่นสิ่งใดนัก  หวังเพื่อผู้อื่น  เป็นการทำความดีเพื่อความดี  ไม่ใช่เป็นการทำความดีเพื่อหวังผลตอบแทน  เหมือนอย่างพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลาย  เป็นการทำความดีเพื่อความดีโดยแท้  ซึ่งเป็นปฏิปทาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งพระองค์เป็นผู้ทรงทำความดีเพื่อความดี  แม้ตรัสรู้แล้วพระองค์จะประทับอยู่เฉย ๆ ก็ได้  ก็ไม่เป็นอย่างนั้น พระองค์ทรงใช้เวลาของชีวิตถึง 45  ปี ในการที่ช่วยประชาชนทั้งหลายให้เขาพ้นทุกข์  ด้วยการแสดงวิธีการ วิธีดำเนินเพื่อให้เขาพ้นทุกข์ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น  อย่างนี้เรียกว่าเป็นการทำความดีเพื่อความดี 
        พวกเราที่อยู่ที่นี้ก็เหมือนกันแบบเดียวกัน  ได้ชื่อว่าดำเนินตามปฏิปทาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  จึงเป็นเรื่องที่พวกเราต้องขออนุโมทนาสาธุการเป็นอย่างยิ่ง  อีกอย่างหนึ่งการต่อสู้ทางภายในคือทางใจนั้น  อันนี้รู้สึกว่าจะเป็นอันตรายใหญ่หลวง  สำหรับพระธรรมทูตต่างประเทศ คือความคิดถึงบ้าน   ความรู้สึกว้าเหว่  ความรู้สึกอ้างว้าง  มองซ้ายมองขวา หน้า หลัง ไม่พบพ่อแม่  พบพี่น้องเลย  ต้องมาอยู่ท่ามกลางของคนที่ไม่รู้จัก  ท่ามกลางของคนต่างชาติต่างภาษาแต่ทำไมเราถึงทนอยู่ได้  ก็เพราะว่าเราต้องการปฏิบัติเพื่อพุทธบูชา  ธรรมบูชา  สังฆบูชา   นำศาสนธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประดิษฐานที่นี่  เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนทั้งหลาย  เพราะฉะนั้นท่านจึงทนอยู่ แม้ว่าจะรู้สึกคิดถึงบ้านเหลือเกิน  ก็อุตส่าห์ทนอยู่  เหล่านี้เป็นเรื่องที่พวกเราเห็นใจ  เห็นความเสียสละของท่าน  เราจึงพร้อมเสมอที่จะให้ความร่วมมือกับท่าน   ท่านเป็นผู้เสียสละอย่างนี้  เป็นผู้ที่ทนทุกข์ทนยากอย่างนี้  ยังทนได้แล้วพวกเราอยู่ในเมืองไทยไม่มีปัญหาอย่างนี้ทำไมเราจะเห็นใจพวกท่านไม่ได้  ก็ย่อมจะมีความเห็นใจท่านเป็นธรรมดา
เมื่อท่านอยู่ที่นี้ก็อยากเสนอข้อคิดเห็น  สำหรับให้ท่านได้ปฏิบัติคือพิจารณาตามควรว่า  ควรจะปฏิบัติหรือไม่ผมจะนำเสนอเพียงเพื่อให้ท่านได้พิจารณาแล้วปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ได้ 

 

 

         ข้อแรกคือ   ขอให้ท่านมีการริเริ่มจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้   ทั้งนี้เป็นรูปธรรมและนามธรรม  ทั้งนี้เป็นศาสนสถานและศาสนวัตถุ และศาสนธรรม เมื่อมีการริเริ่มแล้วก็ขอให้มีความตั้งใจ  มีสัจจะในการที่จะทำให้สำเร็จลุล่วงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆ  มาทำให้เราเกิดความท้อใจ  ก็อย่าท้อ  อาศัยขันติ  และความตั้งใจจริง  ทำให้สำเร็จให้ได้  ขอให้เข้าใจว่าเรื่องที่จะนำพุทธศาสนามาประดิษฐาน  ณ  ที่นี้  พวกเราที่อยู่ในเมืองไทยนั้น มอบความไว้วางใจให้ท่าน  เป็นผู้ทำหน้าที่นี้   ท่านก็ความคิดว่าท่านเป็นคนมีความดี  มีความสามารถ  เก่งพอสมควร  ผู้ใหญ่ท่านจึงให้มาที่นี่   ถ้าท่านไม่มีฝีมือไม่มีความสามารถ หรือไม่เก่งพอ ใครเขาจะให้มา   ที่ท่านได้มาที่นี่ก็แสดงว่า  ผู้ใหญ่ท่านไว้ใจในความสามารถของท่าน  ท่านจึงให้ท่านทั้งหลายมาเป็นตัวแทนของพวกเราซึ่งอยู่ในประเทศไทย  เพราะฉะนั้นจึงขอให้ท่านตระหนักในข้อนี้ด้วย  คิดว่าท่านทั้งหลายก็คงตระหนักเช่นนี้เหมือนกันแต่ที่ผมมาพูดอีกทีก็เพื่อเป็นการทบทวนความรู้สึก 

        อีกข้อที่สองคือ   ขอให้มีความสมัครสมานสามัคคีกันทั้งภายใน   ภายนอก   ภายนอกระหว่างญาติโยมทั้งหลาย  ที่เป็นคนไทย และชาวต่างชาติ  ต้องสร้างความสมัครสมานสามัคคีเอาไว้  เพราะสร้างมิตรเอาไว้ดีกว่าสร้างศัตรู  ถ้าสร้างศัตรูก็จะทำให้เราอยู่ไม่ได้ หรือว่างานของเราก็จะไม่สำเร็จ   ความสามัคคีภายในก็คือ  เริ่มตั้งแต่ภายในวัด  เวลาอยู่กันหลายองค์ ก็ต้องมีความสมัครสมานสามัคคี  เห็นอกเห็นใจกันในฐานะที่ว่าจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ในที่นี้  ทนทุกข์ยากลำบากด้วยกันอยู่ที่นี่   เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็ควรจะปรึกษาหารือกันจะได้ข้อมูลหรือ ข้อตกลงที่มีสารประโยชน์ และส่วนที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ขอให้คิดดูว่าถ้ามาอยู่กันหลายรูป  หรือ  2 รูป ก็แล้วแต่ เราก็เห็นหน้ากันอยู่เท่านี้    เพราะฉะนั้นมีอะไรก็ควรจะปรึกษาหารือ  ในอเมริกานั้นบางทีอยู่เพียงรูปเดียว  ไม่รู้จะไปปรึกษาหารือกับใคร  วัน ๆ  ก็นั่งเหงา  ถ้าไม่มีใครไปก็อยู่องค์เดียว   แสนเหงา  แสนหว้าเหว่และคิดถึงบ้าน   คอยฟังเสียงประตูจะเปิดเมื่อไหร่  ถ้าประตูเปิดแอ๊ด  ก็รู้สึกชื่นใจ รู้ว่ามีคนมาหาแล้ว  น่าสงสาร  แต่ท่านก็อยู่ได้เพราะความเสียสละ  พวกเราก็เหมือนก้น  ขอให้มีความเสียสละโดยเฉพาะเสียสละความรู้สึก เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องกระจุกกระจิกต่าง ๆ  อย่าไปคิดต้องมีการให้อภัยกันต้องเมตตา สงสารซึ่งกันและกันเพราะท่านก็จากบ้านเกิดเมืองนอนจากพ่อ  จากแม่  จากครูบาอาจารย์  ต้องมีการอภัยกัน  ต้องเมตตาสงสารซึ่งกันและกัน เพราะมาอยู่ในท้องถิ่นที่ไม่รู้จักใครอย่างนี้   ควรจะมีความเสียสละ  เมตตาในระหว่างกันและกันโดยเฉพาะการเสียสละนั้น นอกจากจะเสียสละเพื่อเรื่องของเราแล้ว  ก็จะมีความเสียสละตรงที่มีความเมตตาผู้อื่นเช่นคนไทยด้วยกันที่อยู่ที่นี่  ซึ่งอยู่ในสภาพอันเดียวกัน  คือ จากบ้านเกิดเมืองนอนมาเหมือนกัน   จากพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาเหมือนกัน  ควรจะมีความเมตตา  รู้สึกเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน   สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในระหว่างกันและกัน 

 

 

        เรื่องการทำงานนั้นในฐานะที่พวกเรามาที่นี่  จะต้องทำงานเพราะว่าเราเป็นผู้ริเริ่มมาเริ่มต้น   เราก็ต้องทำงานไม่ใช่วัดในเมืองไทย  ซึ่งเป็นวัดที่เขาสร้างไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และก็แวดล้อมไปด้วยชาวพุทธ  แต่ในที่นี้ไม่ใช่อย่างนี้  เราต้องมาสร้างขึ้นใหม่ทั้งนั้น   เริ่มตั้งแต่ศาสนสถานแล้วก็ศาสนบุคคล  ที่เราจะต้องเกี่ยวข้องด้วย  พร้อมทั้งศาสนธรรมซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้จะสำเร็จได้ก็ด้วยความจริงใจ   ความอดทน   ความเสียสละของพวกเราทั้งหลาย  ขอให้คำนึงอยู่เสมอว่า  เรามานี้เพื่อพุทธบูชา  ธรรมบูชา  สังฆบูชา  มาเพื่อนำพุทธศาสนาของไทยมาประดิษฐาน  ณ  ที่นี้  มาในฐานะเป็นตัวแทนของหมู่ของคณะ โดยเราได้รับความไว้วางใจจากผู้หลักผู้ใหญ่ให้มาแทนตัวท่าน  เมื่อคำนึงอย่างนี้อยู่อย่างเสมอแล้ว  ก็เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นไปโดยเรียบร้อย  ปัญหาที่ได้ยินอยู่เสมอขณะอยู่เมืองไทยก็คือความไม่เข้าใจระหว่างญาติโยมกับทางวัด  ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าญาติโยมเขาไม่ค่อยรู้เรื่องของพระ  เช่น เขาต้องการให้พระทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้  พระทำไม่ได้ก็ไม่เป็นที่ถูกใจของเขา  เขาจะต้องรู้หรือว่าพระในเมืองไทยนั้น มี  2  คือฝ่ายปริยัติและฝ่ายปฏิบัติ 
        พระฝ่ายปฏิบัตินั้นท่านก็ไม่รู้เรื่องของการปกครอง   ฝ่ายปริยัติที่รู้เรื่องการปกครองก็ไม่รู้เรื่องของฝ่ายปฏิบัติ   เพราะฉะนั้นจะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเป็นอีกฝ่ายหนึ่งนั้นก็เป็นการลำบาก  เรื่องนี้ชาวบ้านทั้งหลายไม่เข้าใจ  ว่าพระท่านต้องเก่งทางด้านวิชาการ  ทางด้านปฏิบัติ  นึกว่าอย่างนั้นจะเป็นความผิดของเขาก็ไม่ถูก   เพราะว่าควรจะให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเช่นนั้นมันก็ไม่ได้  ก็ต้องมีรู้บ้าง  ไม่รู้บ้างเป็นธรรมดา   อย่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์  ที่ทางคณะรัฐบาลที่แล้วออกมา  เพื่อให้พระปฏิบัติก็เห็นชัด ๆ  เลยว่าเขาไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนาดีพอ 

 

        พระราชบัญญัตินั้นจะมาบังคับให้พระประพฤติผิดพระวินัย   นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่รู้เรื่องพระวินัย  เขาไม่ค่อยรู้เรื่องของพระ  และบางทีก็แสดงหลักฐานออกมาชัดเจน  เลยว่าเขาไม่รู้เรื่องของพระ  นอกจากจะเรื่องพระวินัยแล้ว  คือมีข้อหนึ่งเขาพูดถึงเรื่องแม่ชี   คืออุบาสิกาที่ถือศีล  8  จากพระโดยไม่ต้องคำนึงถึงเครื่องแบบ   แต่งตัวขาวโกนผม  โกนคิ้วนี้ไม่พูดถึงเลย   ก็เลยกลายเป็นว่าพวกอุบาสิกา  กลายเป็นแม่ชีทั้งนั้น  แล้วใครจะไปแนะนำเขาก็ไม่ฟัง  เพราะเขาถือว่าเขาเป็นคนมีความรู้   เมื่อเป็นอย่างนี้จึงได้เกิดเป็นปัญหาขึ้นมาเขาก็เฉย  เช่น  องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก เรียกว่าคนทั่วไปในโลกมาเป็นสมาชิกเขาก็เฉย  พุทธสมาคม  ยุวพุทธิกสมาคม เขาก็เฉย หมดไม่มีใครจะออกมาทำหน้าที่แทนพระ  แล้วถ้าขืนปล่อยให้ออกมาพระก็แย่  เพราะต้องประพฤติผิดพระวินัย  พระก็ต้องช่วยตัวเองไม่มีทางเลือก 
        เพราะฉะนั้นพระจึงจำเป็นจะต้องทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบเพราะไม่มีทางเลือก แล้วถ้า พ.ร.บ.  อันนั้นถ้าออกมาแล้วก็จะวุ่นวายมาก  พระก็จะต้องประพฤติผิดพระวินัย แต่ระหว่างพระวินัยกับกฎหมาย  พระก็ต้องเอาวินัยก่อน  เมื่อเอาวินัยก็ผิดกฎหมาย  ถ้ากฎหมายเป็นคดีอาญา เดี๋ยวก็ได้มีการสึกพระทั่วประเทศกันเท่านั้น  วุ่นวายไปหมด  ดูตัวอย่างง่าย ๆ  เช่น พระลาว และ พ.ร.บ.  อันนี้ก็จะทำให้พระไทยเป็นพระลาว   จะเทศน์ก็ไม่ได้  จะศึกษาก็ไม่ได้  จะทำอะไรก็จะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลก่อน  จะเทศน์ก็ต้องให้เขาบอกว่าให้เทศน์เรื่องนั้นเรื่องนี้  จะเทศน์เอาอย่างใจแบบบ้านเรานั้นไม่ได้  จะศึกษาก็ต้องแอบหลบไปเรียน  อย่างพวกเวียงจันทร์ก็แอบมาเรียนฝั่งไทย  แต่พวกหลวงพระบางนั้นไม่มีทางเลย  ไปดูสภาพแล้วน่าสงสารมาก  และพระไทยเราก็จะเป็นแบบนั้น  ถ้า พ.ร.บ.  นั้นออกมา  จะบวชก็ต้องขออนุญาตจากชาวบ้านก่อน  จากนายอำเภอ  และเขาจะกำหนดว่าปีนี้บวชได้เท่านั้นเท่านี้ 

 

 

         ต่อไปในอนาคตไม่นานศาสนาพุทธก็จะไม่มีพระเหลือแต่วัดวาอาราม  โบราณสถานให้นักท่องเที่ยวมาดูเท่านั้น   เวลานี้หลวงพระบางก็เป็นแบบนี้  พระในวัดทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าศาลเจ้า  ด้วยเหตุนี้พระจึงจำเป็นจะต้องทำในสิ่งที่ตัวไม่อยากทำ  เพื่อปกป้องคุ้มครองพุทธศาสนา  เพื่อความเสียสละท่านเหล่านั้นแม้แต่ชีวิตเขาก็สละได้  เพื่อความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา  ในประเทศไทยจึงขอให้ท่านทั้งหลายรับทราบไว้ด้วย ในฐานะที่ท่านมาอยู่ในต่างแดนอย่างนี้   มีผมพอจะรู้เรื่องเพราะว่าถ้าเขาจะทำอะไรกันเขาก็มาบอกกับผมก่อน   ส่วนท่านทั้งหลายที่อยู่ทางนี้ก็ขอให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติศาสนกิจให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้  ถ้าเมืองไทย พลาดพลั้งไปแล้วที่นี่ยังอยู่  อย่างศาสนาพุทธหมดไปจากอินเดียแต่ในต่างประเทศยังมีอยู่   เช่น  ลังกา เป็นต้น  ถ้าไม่มีต่างประเทศรับพุทธศาสนาไว้แล้ว  พุทธศาสนาก็หมดไปจากโลก 

        ประเทศที่รับพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทไว้อย่างเต็มที่ก็คือ ลังกา  ฝ่ายมหายานก็คือประเทศจีน  ประเทศไทยเรารับมาเมื่อ  พ.ศ. 238  สมัยพระโสณและพระอุตระมา  คราวเดียวกับพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเข้าสู่ประเทศศรีลังกา  แต่ฝ่ายจีนเข้าไปเมื่อ  พ.ศ. 610  เมื่อสมัยราชวงศ์ฮั่น  ถ้าไม่มีศาสนาพุทธที่มาอยู่ในต่างประเทศ เป็นหลักไว้บ้างแล้ว  ศาสนาพุทธคงจะหมดไปเลย  เพราะฉะนั้นท่านที่มาที่นี้จึงได้ชื่อว่ามาทำหน้าที่สำคัญ  คือ ถ้าในเมืองไทยเกิดอะไรขึ้นมาแล้ว ที่นี่ยังมี  ยังไม่หมดไปจากโลก  เพราะฉะนั้นพวกท่านจึงทำหน้าที่สำคัญมาก  ในการรักษาพุทธศาสนาให้อยู่ในโลกนี้   ผมหวังว่าการประชุมของพวกเราในครั้งนี้คงจะสำเร็จผลสมดังวัตถุประสงค์ 

 

        ขออวยพรให้ท่านทั้งหลายที่มาและไม่ได้มาทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ที่มาดูแลพระในที่นี้  และต้องขออนุโมทนาสาธุการเป็นพิเศษกับท่านพระครูปลัด  สมศักดิ์  ที่ได้จัดให้มีสถานที่ และเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้ และญาติโยมทั้งหลายที่มาร่วมกันถวายภัตราหารและดูแลให้ความสะดวกแก่ภิกษุที่มาร่วมประชุม   ขอทุก ๆ ท่านจงมีความสุขกาย  สุขใจ  ปราศจากความทุกข์กาย  ทุกข์ใจ  คิดอะไรก็ขอให้ได้สมดังความมุ่งหมาย  ทำอะไรก็ขอให้สำเร็จโดยปราศจากอุปัทวันตราย และขอทุก ๆ ท่านจงเข้าถึงความแท้จริงในพุทธธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว จงทุกท่าน ทุกประการเทอญ”

 


 

หมายเหตุ: คัดจากเอกสารสรุปรายงานการประชุมพระธรรมทูต(ธรรมยุต) ในสหภาพยุโรป
ร่วมกับคณะกรรมการสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)
ครั้งที่ 3/2546  วันที่ 20 เมษายน 2546
ณ วัดป่าโคเปนเฮเกน กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
รวบรวม
24/01/55



 

Copyright © ๒๕๕๙ สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) กรุงเทพมหานคร