วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2558 เวลา 16:57 น. พระญาณวิลาศ สิริปุญฺโญ (บุญ สิริปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม มรณภาพด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ชาวจันทบุรีนับพันหลั่งน้ำตาร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่ศาลาการเปรียญ วัดเขาสุกิม ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
คณะสงฆ์พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทั้งใน จ.จันทบุรี และจากทั่วสารทิศกว่าพันคน ได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัย และร่วมในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พระญาณวิลาศ หรือ "หลวงพ่อบุญ สิริปุญโญ" เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม และเจ้าคณะอำเภอท่าใหม่-นายายอาม (สายธรรมยุต) ที่ได้มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งเป็นโรคประจำตัว เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา รวมอายุ 67 ปี 42 พรรษา สร้างความโศกเศร้าอาลัยแก่เหล่าศิษยานุศิษย์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธา โดยในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ มี พระธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมี นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธเหมทานนท์ ผวจ.จันทบุรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส สำหรับประวัติพระสังฆาธิการ พระญาณวิลาศ เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม เดิมชื่อ นายบุญ ทาศรี เป็นบุตรของ นายมั่ง และ นางลออ ทาศรี เกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2491 แรม 2 ค่ำ ปีชวด ณ บ้านเลขที่ 27 หมู่ 6 ต.คอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ อุปสมบทเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2516 ณ วัดจันทนาราม ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี มี พระศรีวิสุทธินายก (พระเทพสารสุทธี) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อครบ 4 พรรษา ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลสำนักสงฆ์แหลมเสด็จ ดำรงตำแหน่งอยู่ 1 ปี พรรษาที่ 5 ท่านได้รับมอบหมายจาก หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ให้มารักษาการหัวหน้าสำนักสงฆ์เนินดินแดง อยู่จำพรรษาจนถึงพรรษาที่ 9 หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ท่านได้เมตตาให้เข้ามาช่วยงานที่วัดเขาสุกิม และด้วยความขยันหมั่นเพียร มีความวิริยะอุตสาหะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมาโดยตลอด หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย จึงเสนอเจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 เป็นต้นมา และด้วยความสามารถในด้านการปกครอง การเผยแผ่ การพัฒนา การบำเพ็ญประโยชน์ และด้านอื่นๆ ท่านจึงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นพระราชาคณะมีราชทินนามที่ "พระญาณวิลาศ" ในปี พ.ศ.2535 รวมทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าคณะตำบลเขาบายศรี และเจ้าคณะอำเภอท่าใหม่-นายายอาม (ธรรมยุต) จ.จันทบุรี ในเวลาต่อมา.“
พระญาณวิลาศ สิริปุญฺโญ (บุญ สิริปุญฺโญ) ได้มีอุปการคุณต่อสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) มาโดยตลอด ก่อนมรณภาพยังทำหน้าหน้าเป็นผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานเลขานุการสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ นอกจากนั้นในการฝึกอบรมพระธรรมทูตหลายรุ่นที่ผ่านมายังอนุเคราะห์ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศได้เข้ารับการฝึกอบรมภาคนวกรรมที่วัดเขาสุกิมมานานหลายปี
สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) และคณะพระธรรมทูตขอถวายความอาลัย พระญาณวิลาศ (บุญ สิริปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี ท่านเจ้าคุณเป็นพระเถระอีกรูปหนึ่งที่เมตตาต่อสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตด้วยดีตลอดมา
สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) ขอแสดงความอาลัยในการจากไปของพระญาณวิลาศ สิริปุญฺโญ (บุญ สิริปุญฺโญ) ในครั้งนี้ด้วย
ประวัติพระญาณวิลาส(บุญ สิริปุญโญ)
พระญาณวิลาศ นามเดิม บุญ ทาศรี เกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2491 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ปีชวด ที่บ้านกองโค ต.อรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เป็นบุตรของนายมั่ง และนางลออ ทาศรี มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน โดยทั่วไปท่านมีนิสัยโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ และมีความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา ท่านมีความเลื่อมใสในองค์หลวงปู่สมชาย ฐิตกิริโย จึงได้เดินทางมาที่จังหวัดจันทบุรี ตามคำแนะนำบอกกล่าวของญาติผู้ใหญ่ ซึ่งอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี และได้ทำการบรรพชาอุปสมบทที่วัดจันทนาราม อ.เมือง จ.จันทบุรี (ธรรมยุต) เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2516 โดยมีพระศรีวิสุทธินายก (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) ปัจจุบันคือพระเทพสารสุธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านมีความชำนาญในด้านนวกรรม การก่อสร้าง เครื่องจักรกล วางแผนออกแบบโครงการต่างๆ ตัดเย็บจีวร และบ่มบาตร เป็นต้น
เมื่อครบ 4 พรรษา ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลสำนักสงฆ์แหลมเสด็จ ดำรงตำแหน่งอยู่ 1 ปี พรรษาที่ 5 ท่านได้รับมอบหมายจากหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ให้มารักษาการหัวหน้าสำนักสงฆ์เนินดินแดง อยู่จำพรรษาจนถึงพรรษาที่ 9 หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ท่านได้เมตตาให้เข้ามาช่วยงานที่วัดเขาสุกิม และด้วยความขยันหมั่นเพียร มีความวิริยะอุตสาหะ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมาโดยตลอด
หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย จึงเสนอเจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 เป็นต้นมา ด้วยความสามารถในด้านการปกครอง การเผยแผ่ การพัฒนา การบำเพ็ญประโยชน์ และด้านอื่นๆ ท่านจึงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นพระราชาคณะมีราชทินนามที่ "พระญาณวิลาศ" ในปี พ.ศ.2535 และท่านยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น เจ้าคณะตำบลเขาบายศรี และเจ้าคณะอำเภอท่าใหม่-นายายอาม (ธรรมยุต) จังหวัดจันทบุรี ในเวลาต่อมา
ท่านได้สนองงานของครูบาอาจารย์ รับภารธุระพระพุทธศาสนามาตลอด โดยเฉพาะการสานต่อปฏิปทาของหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ในการดำเนินการก่อสร้าง "เจดีย์บูรพาฐิตวิริยา ประชาสามัคคี" ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างถึงชั้นที่ 2 แล้ว ท่านได้พัฒนาวัดเขาสุกิมจนเป็นวัดที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของสาธุชนทั่วไป มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมาย อาทิ ท่านได้พัฒนาวัดจนทางวัดได้รับรางวัลต่างๆ เช่น "วัดพัฒนาตัวอย่าง" "วัดอุทยานการศึกษา" "วัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น" และเป็น "ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ" ปี พ.ศ.2545 เป็น "ศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งที่ 1" พร้อมทั้งงานด้านการสงเคราะห์บำเพ็ญประโยชน์, การเผยแผ่, การส่งเสริมการบรรพชาและอุปสมบท และให้มีการปฏิบัติบำเพ็ญภาวนา ทำให้วัดเขาสุกิมมีความเจริญมีการขยายสาขาวัดไปทั่วประเทศถึง 61 สาขา และมีคุณความดีอีกนานัปการ
ท่านพระญาณวิลาศท่านเป็นพระมหาเถระผู้เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตรอันดีงามมีความตั้งใจเสียสละ ทุ่มเท และอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ มาเป็นระยะเวลานาน อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ท่านจึงได้รับการถวายรางวัลพุทธคุณูปการกาญจนเกียรติคุณ เพื่อยกย่องเชิดชู และประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏแผ่ไพศาล จากคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553
จากผลงานอันทรงคุณค่าของท่านที่เพิ่มขึ้นตามลำดับนั้น ทำให้คณะบุคคล สถาบันการศึกษาต่างๆ ได้ยกย่องเชิดชูเกียรติของท่าน โดยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ทางสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ประชุมและมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรถวายปริญญาศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์ แด่ท่านพระญาณวิลาศ โดยทางศิษยานุศิษย์จะจัดพิธีมุทิตาสักการะฉลองปริญญาฯ และทำบุญอายุครบ 63 ปี ในวันที่ 9 มกราคม 2554
ปิดท้ายด้วยคติควรคิดของ หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย "บุญที่ไหนให้บุกเข้า บาปที่ไหนให้วิ่งหนี"
ข้อมูลจาก http://www.ryt9.com/s/bmnd/1062937
แหล่งข่าว: http://www.dailynews.co.th/regional/362940